รีรันเรื่องนี้อีกที การใช้รหัสผ่านซ้ำๆกันหลายบริการ คือความเสี่ยงนะครับ
[Article] ไม่ต้องจำรหัส! ป้องกันบัญชีโดนแฮก ให้ชีวิตออนไลน์ของคุณปลอดภัยด้วย Password Manager + MFA
.
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเขียนบทความนี้ขึ้นมา นอกจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่มีข่าว Steam ข้อมูลรั่ว 89 ล้านบัญชีแล้ว แต่ต่อมา Steam ก็ออกแถลงการณ์ว่า ข้อมูลที่หลุดไปเป็นเพียงข้อมูล SMS เท่านั้นไม่ต้องวิตก และอีกสาเหตุนึงคือเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีข้อความหลังไมค์จากผู้ติดตามเพจที่ถามเข้ามาบ่อยอันดับต้นๆ รองจาก “Steam จะลดเมื่อไหร่ครับพี่” กับ “พี่มีเกมนี้ขายมั้ย”คือ
.
“พี่ครับ บัญชี Steam / Epic / บริการอื่นๆ โดนแฮก ทำยังไงดี”
.
ซึ่งบอกตรงๆ ว่าในหลายกรณี เราเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ทำได้แค่แนะนำเบื้องต้น เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน และติดต่อ Support ของบริการนั้นๆ เพื่อกู้คืนบัญชี สิ่งที่น่าตกใจคือ คำถามแบบนี้ไม่เคยหายไปเลย แม้ปีจะเปลี่ยนเป็น 2025 แล้วก็ตาม ซึ่งเรื่องพวกนี้แม้จะกันไม่ได้ 100% แต่เราสามารถลดความเสี่ยงมันได้
.
เพราะสาเหตุการโดนแฮกนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่
– การถูกขโมย session token
– การโดนมัลแวร์หรือโทรจันที่ฝังในเครื่อง
– ไปจนถึงเหตุผลสุดคลาสสิก “รหัสผ่านของคุณรั่ว” หรือแย่กว่านั้นคือ “รหัสของคุณเดาง่ายเกินไป”
.
ปัจจัยเหล่านี้ บางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะบางครั้งมันก็ซวยจริงๆ เช่นการโดนขโมย session โดนฝังโทรจัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้แน่นอนคือ “รหัสผ่านของเราเอง”
.
Password ซ้ำ + เดาง่าย = หายนะ
.
หลายคนใช้ Email/Username เดิมซ้ำๆ ในหลายบริการ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเลี่ยงยากจริง เพราะแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ใช้ Email เป็น Username อยู่แล้ว และคงไม่มีใครบ้ามานั่งสมัครเมลล์ใหม่ทุกครั้งไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เลี่ยงได้และควรทำทันทีคือ
.
อย่าใช้ Password เดิมซ้ำในทุกบริการ
อย่าใช้ Password ที่เดาง่าย เช่น วันเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือเบอร์โทร
.
อาจจะไม่เห็นภาพ เราขอยกตัวอย่างสถานการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นจริง:
.
คุณตั้งชื่อผู้ใช้และรหัส Steam ว่า DekInwZA007 และ bank19970629
ต่อมาคุณไปสมัคร Epic ด้วย Username และ Password ชุดเดิม
ต่อมาคุณสมัครเว็บ A (ที่คุณอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ) ด้วยข้อมูลเดิมเป๊ะๆ
แล้วก็ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะคุณคิดว่ามันสะดวกดี และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนรหัส
แม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม แต่ความหายนะมันจะเริ่มจากจุดนี้
.
ถ้าอ้างอิงจากข่าว Steam เมื่อคืน เราก็มั่นใจได้ว่ารหัสเราไม่หลุดจาก Steam แน่ๆ แต่ถ้ามันหลุดจากไอ้เว็บ A ล่ะ? ทันทีที่เว็บ A โดนแฮก (Security Breach ) เมื่อไหร่ ข้อมูลของคุณก็จะถูกเผยแพร่โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเอาไปขายกันในตลาดมืด แล้ว Hacker ก็จะเอา Username+Password นั้นไปลองล็อกอินกับบริการอื่นต่อ
.
และถ้าคุณใช้รหัสชุดเดียวกันหมด แบบนี้มันจะต่างอะไรกับยื่นกุญแจบ้านให้โจรทั้งจังหวัด?
.
นั่นแปลว่าคุณเตรียมบอกลาไอดีทั้งหมดที่คุณมีในชีวิตได้เลย เพราะคนพวกนี้สามารถขโมยอีเมล์หรือตัวตนคุณไปใช้ได้แบบดื้อๆได้สบาย หรือต่อให้ไม่มีเหตุการณ์ Security Breach เกิดขึ้น แต่หากคุณใช้ Password ที่คาดเดาได้ง่ายเช่น วันเกิดของคุณเอง ชื่อจริงของคุณ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่คุณโดนแฮกได้แบบง่ายๆ โดยคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวแทน
.
เพราะฉะนั้นวิธีพื้นฐานแรกในการรับมือเลยคือ “หลีกเลี่ยงการใช้ Password ซ้ำ และคาดเดาได้ง่าย” ครับซึ่งจากที่กล่าวมาเรารู้ว่าการตั้งรหัสผ่านใหม่ตลอดเวลา แล้วต้องมานั่งจำ มันไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ และนี่คือเหตุผลที่ Password Manager ถือกำเนิดขึ้น
.
Password Manager คืออะไร? ให้คิดว่ามันคือ “ตู้นิรภัยดิจิทัล” สำหรับเก็บรหัสผ่านของคุณ โดยมันจะมีหน้าที่บันทึกรหัสผ่านบริการที่คุณบันทึกไว้ และถ้าหากต้องการใช้ คุณก็แค่เปิด Password Manager แล้วเรียก Username/Password ของบริการที่ต้องการขึ้นมา Copy & Paste ไปวางได้ทันที (บนมือถือก็มีนะ) หรือใช้ฟังก์ชั่น Auto-filling กดใส่ให้ได้ทันที
.
และความสำคัญของ Password Manager ส่วนมากที่มักจะมีให้มาด้วยคือ Auto Generate Password หรือระบบสุ่มสร้างรหัสผ่านที่ยาว ปลอดภัย เดาไม่ได้ คุณไม่ต้องมาคอยปวดหัวจำรหัสผ่านอีกต่อไป เพราะหลังจากใช้ Password Manager แล้ว ชีวิตหลังจากนี้ที่คุณต้องทำคือ “จำแค่รหัสผ่านของ Password Manager” เท่านั้นก็พอ
.
ตัวอย่างเช่น
.
Steam ใช้รหัสว่า AEn7CRdt6dzWq7FWi2wAz6w
.
Epic ใช้ h2-q3MwZEkyegpcP@
.
Twitter ใช้ qf8ZDZH4LX*xYkikJ
.
จะเห็นว่ารหัสผ่านพวกนี้ดูไม่ออกและพยายามจะจำเองก็ยังยากเลย แล้วคุณก็แค่บันทึกรหัสผ่านพวกนี้ลงไปใน Password Manager เป็นอันจบ จะใช้ก็แค่มาเปิดก๊อปแปะ หรือใช้ Auto-filling ในหน้า sign in ได้เลย ซึ่งการทำแบบนี้ แปลว่าต่อให้บริการใดบริการหนึ่งเกิด Security Breach ขึ้นมา บริการที่เหลือยังปลอดภัย เพราะคุณใช้รหัสที่ต่างกัน ทำให้ความเสียหายน้อยลงไปมาก จำกัดวงแค่บริการดังกล่าวเท่านั้น
.
Password Manager นั้นมีทั้งบริการแบบเสียเงิน และแบบฟรี ที่มีคนนิยมใช้กันมากเช่น
.
1 Password (ปีละ 36 USD)
BitWarden (ปีละ 10 USD)
Dashlane (ปีละ 24 USD)
KeePassXC (ฟรี Self Hosted)
Nord Pass (ปีละ 36 USD)
.
จำนวนเงินอาจจะดูแบบปีละ 30 USD เลยเหรอ แต่เชื่อเถอะครับว่า นี่คือค่าใช้จ่ายที่คุ้มมาก พอคุณใช้ Password Manager คุณจะไม่กลับไปจำรหัสผ่านอีกเลย
.
นอกจากนี้หากคุณยังไม่พร้อมใช้งาน Password Manager แบบเต็มตัว อีกสิ่งที่คุณยังสามารถใช้งานได้และฟรีตั้งแต่แรกก็คือ Google Password Managers ที่ใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ Android และ Chrome หรือ Apple Keychain สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์ Apple ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
.
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า “ อ้าว แล้วถ้ารหัสผ่านของ Password Manager มันหลุดเองล่ะ ไม่จบเหรอ?” ถูกครับ ถ้าคุณใช้รหัสผ่านที่เดาง่ายหรือใช้ซ้ำกับบริการอื่นๆ
.
และก็ถูกอีกครับ ถ้า Password Manager ที่คุณใช้ถูกเจาะเอง เหมือนกรณี LastPass ที่เคยโดนแฮกครั้งใหญ่เมื่อปีก่อนหน้า จนคนหนีออกมาเพียบ
.
แต่! ไม่ถูกทั้งหมดครับ เพราะ Password Manager ที่ดีในปี 2025 ส่วนใหญ่ มาพร้อมระบบ 2FA หรือ MFA (Multi-Factor Authentication) ซึ่งเป็นตัวช่วยอีกชั้นในการล็อกอินเข้าระบบ
.
MFA / 2FA คืออะไร? MFA ย่อมาจาก Multi-Factor Authentication ส่วน 2FA ย่อมาจาก Two-Factor Authentication
.
พูดง่ายๆ คือการเข้าสู่ระบบโดยต้องใช้ มากกว่าแค่รหัสผ่าน เช่น OTP ผ่าน SMS (ที่หลายคนคุ้นเคย)
การกดยืนยันจากแอป Authenticator เช่น Google Authenticator, Microsoft Authenticator, Steam Guard หรือการใช้ Passkey และข้อมูลชีวภาพ biometrics เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้าและ ม่านตา
.
สิ่งเหล่านี้คือกำแพงชั้นที่สอง ที่ต่อให้ Hacker ได้รหัสผ่านคุณไป ก็ยังเข้าไม่ได้ถ้าไม่มี “ตัวคุณ” หรือ “เครื่องของคุณ” ด้วย
แล้วควรเปิดใช้ MFA กับอะไรบ้าง? แอดมินแนะนำแบบตรงๆ เลยว่า “เปิดทุกที่ที่เปิดได้ครับ” เพราะในโลกออนไลน์ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า รหัสผ่านของคุณจะไม่หลุด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น MFA คือเกราะป้องกันอีกชั้นที่คุณควรเปิดใช้ทุกครั้งที่มีตัวเลือก
.
อย่าขี้เกียจครับ เปิดไว้ดีกว่ารู้ตัวอีกทีว่าบัญชีโดนยึดไปหมดแล้ว และการขอกู้บัญชีคืน ไม่ใช่เรื่องสนุกแม้แต่นิดเดียว
.
อนึ่ง เกี่ยวกับ MFA ในปี 2025 ถึงแม้ MFA จะปลอดภัยกว่ารหัสผ่านธรรมดา แต่ก็ ไม่ใช่ว่ามันไร้ช่องโหว่ ตัวอย่างเช่น OTP ผ่าน SMS อาจโดนดักด้วย SIM swap, มัลแวร์ดูด SMS, หรือโปรแกรมอ่านหน้าจอ
.
หลายบริการจึงเริ่มเลิกใช้ OTP ผ่าน SMS แล้ว หันไปใช้ MFA ที่ปลอดภัยกว่า เช่น Passkey, ลายนิ้วมือ, หรือ การยืนยันตัวตนแบบ biometrics
——————————-
GGKeyStore ร้านเติมเกม Steam, PSN, Nintendo, Roblox, DMM, DLsite, เติมเกมญี่ปุ่น, ไอดีเกม, เกมแท้ราคาถูก รับของทันที
[Article] ไม่ต้องจำรหัส! ป้องกันบัญชีโดนแฮก ให้ชีวิตออนไลน์ของคุณปลอดภัยด้วย Password Manager + MFA
.
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเขียนบทความนี้ขึ้นมา นอกจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่มีข่าว Steam ข้อมูลรั่ว 89 ล้านบัญชีแล้ว แต่ต่อมา Steam ก็ออกแถลงการณ์ว่า ข้อมูลที่หลุดไปเป็นเพียงข้อมูล SMS เท่านั้นไม่ต้องวิตก และอีกสาเหตุนึงคือเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีข้อความหลังไมค์จากผู้ติดตามเพจที่ถามเข้ามาบ่อยอันดับต้นๆ รองจาก “Steam จะลดเมื่อไหร่ครับพี่” กับ “พี่มีเกมนี้ขายมั้ย”คือ
.
“พี่ครับ บัญชี Steam / Epic / บริการอื่นๆ โดนแฮก ทำยังไงดี”
.
ซึ่งบอกตรงๆ ว่าในหลายกรณี เราเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ทำได้แค่แนะนำเบื้องต้น เช่น เปลี่ยนรหัสผ่าน และติดต่อ Support ของบริการนั้นๆ เพื่อกู้คืนบัญชี สิ่งที่น่าตกใจคือ คำถามแบบนี้ไม่เคยหายไปเลย แม้ปีจะเปลี่ยนเป็น 2025 แล้วก็ตาม ซึ่งเรื่องพวกนี้แม้จะกันไม่ได้ 100% แต่เราสามารถลดความเสี่ยงมันได้
.
เพราะสาเหตุการโดนแฮกนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่
– การถูกขโมย session token
– การโดนมัลแวร์หรือโทรจันที่ฝังในเครื่อง
– ไปจนถึงเหตุผลสุดคลาสสิก “รหัสผ่านของคุณรั่ว” หรือแย่กว่านั้นคือ “รหัสของคุณเดาง่ายเกินไป”
.
ปัจจัยเหล่านี้ บางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะบางครั้งมันก็ซวยจริงๆ เช่นการโดนขโมย session โดนฝังโทรจัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้แน่นอนคือ “รหัสผ่านของเราเอง”
.
Password ซ้ำ + เดาง่าย = หายนะ
.
หลายคนใช้ Email/Username เดิมซ้ำๆ ในหลายบริการ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะเลี่ยงยากจริง เพราะแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ใช้ Email เป็น Username อยู่แล้ว และคงไม่มีใครบ้ามานั่งสมัครเมลล์ใหม่ทุกครั้งไม่ซ้ำกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เลี่ยงได้และควรทำทันทีคือ
.
อย่าใช้ Password เดิมซ้ำในทุกบริการ
อย่าใช้ Password ที่เดาง่าย เช่น วันเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือเบอร์โทร
.
อาจจะไม่เห็นภาพ เราขอยกตัวอย่างสถานการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นจริง:
.
คุณตั้งชื่อผู้ใช้และรหัส Steam ว่า DekInwZA007 และ bank19970629
ต่อมาคุณไปสมัคร Epic ด้วย Username และ Password ชุดเดิม
ต่อมาคุณสมัครเว็บ A (ที่คุณอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ) ด้วยข้อมูลเดิมเป๊ะๆ
แล้วก็ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะคุณคิดว่ามันสะดวกดี และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนรหัส
แม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม แต่ความหายนะมันจะเริ่มจากจุดนี้
.
ถ้าอ้างอิงจากข่าว Steam เมื่อคืน เราก็มั่นใจได้ว่ารหัสเราไม่หลุดจาก Steam แน่ๆ แต่ถ้ามันหลุดจากไอ้เว็บ A ล่ะ? ทันทีที่เว็บ A โดนแฮก (Security Breach ) เมื่อไหร่ ข้อมูลของคุณก็จะถูกเผยแพร่โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเอาไปขายกันในตลาดมืด แล้ว Hacker ก็จะเอา Username+Password นั้นไปลองล็อกอินกับบริการอื่นต่อ
.
และถ้าคุณใช้รหัสชุดเดียวกันหมด แบบนี้มันจะต่างอะไรกับยื่นกุญแจบ้านให้โจรทั้งจังหวัด?
.
นั่นแปลว่าคุณเตรียมบอกลาไอดีทั้งหมดที่คุณมีในชีวิตได้เลย เพราะคนพวกนี้สามารถขโมยอีเมล์หรือตัวตนคุณไปใช้ได้แบบดื้อๆได้สบาย หรือต่อให้ไม่มีเหตุการณ์ Security Breach เกิดขึ้น แต่หากคุณใช้ Password ที่คาดเดาได้ง่ายเช่น วันเกิดของคุณเอง ชื่อจริงของคุณ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่คุณโดนแฮกได้แบบง่ายๆ โดยคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวแทน
.
เพราะฉะนั้นวิธีพื้นฐานแรกในการรับมือเลยคือ “หลีกเลี่ยงการใช้ Password ซ้ำ และคาดเดาได้ง่าย” ครับซึ่งจากที่กล่าวมาเรารู้ว่าการตั้งรหัสผ่านใหม่ตลอดเวลา แล้วต้องมานั่งจำ มันไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ และนี่คือเหตุผลที่ Password Manager ถือกำเนิดขึ้น
.
Password Manager คืออะไร? ให้คิดว่ามันคือ “ตู้นิรภัยดิจิทัล” สำหรับเก็บรหัสผ่านของคุณ โดยมันจะมีหน้าที่บันทึกรหัสผ่านบริการที่คุณบันทึกไว้ และถ้าหากต้องการใช้ คุณก็แค่เปิด Password Manager แล้วเรียก Username/Password ของบริการที่ต้องการขึ้นมา Copy & Paste ไปวางได้ทันที (บนมือถือก็มีนะ) หรือใช้ฟังก์ชั่น Auto-filling กดใส่ให้ได้ทันที
.
และความสำคัญของ Password Manager ส่วนมากที่มักจะมีให้มาด้วยคือ Auto Generate Password หรือระบบสุ่มสร้างรหัสผ่านที่ยาว ปลอดภัย เดาไม่ได้ คุณไม่ต้องมาคอยปวดหัวจำรหัสผ่านอีกต่อไป เพราะหลังจากใช้ Password Manager แล้ว ชีวิตหลังจากนี้ที่คุณต้องทำคือ “จำแค่รหัสผ่านของ Password Manager” เท่านั้นก็พอ
.
ตัวอย่างเช่น
.
Steam ใช้รหัสว่า AEn7CRdt6dzWq7FWi2wAz6w
.
Epic ใช้ h2-q3MwZEkyegpcP@
.
Twitter ใช้ qf8ZDZH4LX*xYkikJ
.
จะเห็นว่ารหัสผ่านพวกนี้ดูไม่ออกและพยายามจะจำเองก็ยังยากเลย แล้วคุณก็แค่บันทึกรหัสผ่านพวกนี้ลงไปใน Password Manager เป็นอันจบ จะใช้ก็แค่มาเปิดก๊อปแปะ หรือใช้ Auto-filling ในหน้า sign in ได้เลย ซึ่งการทำแบบนี้ แปลว่าต่อให้บริการใดบริการหนึ่งเกิด Security Breach ขึ้นมา บริการที่เหลือยังปลอดภัย เพราะคุณใช้รหัสที่ต่างกัน ทำให้ความเสียหายน้อยลงไปมาก จำกัดวงแค่บริการดังกล่าวเท่านั้น
.
Password Manager นั้นมีทั้งบริการแบบเสียเงิน และแบบฟรี ที่มีคนนิยมใช้กันมากเช่น
.
1 Password (ปีละ 36 USD)
BitWarden (ปีละ 10 USD)
Dashlane (ปีละ 24 USD)
KeePassXC (ฟรี Self Hosted)
Nord Pass (ปีละ 36 USD)
.
จำนวนเงินอาจจะดูแบบปีละ 30 USD เลยเหรอ แต่เชื่อเถอะครับว่า นี่คือค่าใช้จ่ายที่คุ้มมาก พอคุณใช้ Password Manager คุณจะไม่กลับไปจำรหัสผ่านอีกเลย
.
นอกจากนี้หากคุณยังไม่พร้อมใช้งาน Password Manager แบบเต็มตัว อีกสิ่งที่คุณยังสามารถใช้งานได้และฟรีตั้งแต่แรกก็คือ Google Password Managers ที่ใช้งานได้ฟรีสำหรับผู้ใช้ Android และ Chrome หรือ Apple Keychain สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์ Apple ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
.
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า “ อ้าว แล้วถ้ารหัสผ่านของ Password Manager มันหลุดเองล่ะ ไม่จบเหรอ?” ถูกครับ ถ้าคุณใช้รหัสผ่านที่เดาง่ายหรือใช้ซ้ำกับบริการอื่นๆ
.
และก็ถูกอีกครับ ถ้า Password Manager ที่คุณใช้ถูกเจาะเอง เหมือนกรณี LastPass ที่เคยโดนแฮกครั้งใหญ่เมื่อปีก่อนหน้า จนคนหนีออกมาเพียบ
.
แต่! ไม่ถูกทั้งหมดครับ เพราะ Password Manager ที่ดีในปี 2025 ส่วนใหญ่ มาพร้อมระบบ 2FA หรือ MFA (Multi-Factor Authentication) ซึ่งเป็นตัวช่วยอีกชั้นในการล็อกอินเข้าระบบ
.
MFA / 2FA คืออะไร? MFA ย่อมาจาก Multi-Factor Authentication ส่วน 2FA ย่อมาจาก Two-Factor Authentication
.
พูดง่ายๆ คือการเข้าสู่ระบบโดยต้องใช้ มากกว่าแค่รหัสผ่าน เช่น OTP ผ่าน SMS (ที่หลายคนคุ้นเคย)
การกดยืนยันจากแอป Authenticator เช่น Google Authenticator, Microsoft Authenticator, Steam Guard หรือการใช้ Passkey และข้อมูลชีวภาพ biometrics เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้าและ ม่านตา
.
สิ่งเหล่านี้คือกำแพงชั้นที่สอง ที่ต่อให้ Hacker ได้รหัสผ่านคุณไป ก็ยังเข้าไม่ได้ถ้าไม่มี “ตัวคุณ” หรือ “เครื่องของคุณ” ด้วย
แล้วควรเปิดใช้ MFA กับอะไรบ้าง? แอดมินแนะนำแบบตรงๆ เลยว่า “เปิดทุกที่ที่เปิดได้ครับ” เพราะในโลกออนไลน์ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า รหัสผ่านของคุณจะไม่หลุด ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น MFA คือเกราะป้องกันอีกชั้นที่คุณควรเปิดใช้ทุกครั้งที่มีตัวเลือก
.
อย่าขี้เกียจครับ เปิดไว้ดีกว่ารู้ตัวอีกทีว่าบัญชีโดนยึดไปหมดแล้ว และการขอกู้บัญชีคืน ไม่ใช่เรื่องสนุกแม้แต่นิดเดียว
.
อนึ่ง เกี่ยวกับ MFA ในปี 2025 ถึงแม้ MFA จะปลอดภัยกว่ารหัสผ่านธรรมดา แต่ก็ ไม่ใช่ว่ามันไร้ช่องโหว่ ตัวอย่างเช่น OTP ผ่าน SMS อาจโดนดักด้วย SIM swap, มัลแวร์ดูด SMS, หรือโปรแกรมอ่านหน้าจอ
.
หลายบริการจึงเริ่มเลิกใช้ OTP ผ่าน SMS แล้ว หันไปใช้ MFA ที่ปลอดภัยกว่า เช่น Passkey, ลายนิ้วมือ, หรือ การยืนยันตัวตนแบบ biometrics
——————————-
GGKeyStore ร้านเติมเกม Steam, PSN, Nintendo, Roblox, DMM, DLsite, เติมเกมญี่ปุ่น, ไอดีเกม, เกมแท้ราคาถูก รับของทันที











