[News] CEO Epic เผยเหตุที่เกมใช้ Unreal 5 มีปัญหาเล่นไม่ลื่น “ไม่ใช่เพราะเอนจิ้น” แต่เกิดจากนักพัฒนาเกม “ทำผิดขั้นตอน”
.
ถ้าจะบอกว่าเอนจิ้นเกมตัวไหนเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น Unreal Engine ที่ก้าวมาเป็นเอนจิ้นยอดนิยมสำหรับการสร้างเกมยุคใหม่ ซึ่งสตูดิโอหลายแห่งเริ่มหันมาใช้ Unreal Engine 5 (UE5) กันมากขึ้น แต่การเปลี่ยนผ่านหรือการเริ่มใหม่กัย UE5 ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะ UE5 มีชื่อเสียงเรื่องภาพที่สวยงาม แต่ก็มีปัญหาด้านประสิทธิภาพที่น่าหงุดหงิดเช่นกัน
.
UE5 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 พร้อมกับตัวอย่างเทคนิค Lumen in the Land of Nanite บน PlayStation 5 ซึ่งโชว์ฟีเจอร์เด่นสองอย่างคือ Lumen ระบบแสงและเงาสะท้อนแบบไดนามิก และ Nanite ระบบเรขาคณิตเสมือนจริงที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ไฟล์โมเดลคุณภาพระดับภาพยนตร์ได้แบบเรียลไทม์
.
การแสดงผลในตอนนั้นสวยงามมากและทำให้ความคาดหวังพุ่งสูงทันที แต่ทว่าเมื่อเกมที่ใช้ UE5 เริ่มวางจำหน่าย ผู้เล่นหลายคนกลับพบกับประสบการณ์ที่ตรงกันข้าม มีเสียงบ่นตามมามากมายเรื่องเกมกระตุก เกมค้าง เฟรมเรตต่ำ และต้องการสเปคเครื่องที่สูงมาก เช่นเกมอย่าง Lords of the Fallen, Wuchang: Fallen Feathers และแม้แต่ Oblivion Remastered ของ Xbox เองก็โดนวิจารณ์ว่ามีปัญหาในการเล่นบนทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง PC, Xbox Series X และ Series S
.
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกม UE5 ทุกเกมจะล้มเหลวไปเสียหมด เช่น Senua’s Saga: Hellblade II และ Fortnite ของ Epic เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเอนจิ้นนี้ทำอะไรได้บ้างเมื่อได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า UE5 มีศักยภาพที่จะมอบทั้งภาพที่สวยงามและประสิทธิภาพที่เสถียร
.
ล่าสุด คุณ Skuat Sweeney CEO ของ Epic Games ได้ออกมาให้ความเห็นว่าทำไมเกมที่สร้างด้วยเอนจินนี้หลายเกมถึงมีปัญหา โดยอธิบายว่านักพัฒนาหลายคนสร้างเกมโดยคำนึงถึงฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์ก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งสำหรับเครื่องสเปคต่ำทีหลังเมื่อใกล้จะเสร็จสิ้นการผลิต
.
“สาเหตุหลักๆ คือลำดับของการพัฒนาครับ สตูดิโอหลายแห่งสร้างเกมสำหรับฮาร์ดแวร์ระดับสูงๆก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งและทดสอบกับเครื่องสเปคต่ำในตอนท้าย ซึ่งจริงๆแล้ว การปรับแต่งควรเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสร้างคอนเทนต์ทั้งหมด
.
ตอนนี้เรากำลังทำ 2 อย่างครับ หนึ่งคือเสริมความแข็งแกร่งให้เอนจิ้นด้วยการเพิ่มระบบปรับแต่งอัตโนมัติสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ และสองคือขยายการให้ความรู้แก่นักพัฒนาเพื่อให้ ‘การปรับแต่งตั้งแต่เริ่ม’ กลายเป็นมาตรฐาน ถ้าจำเป็นวิศวกรของเราก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วย”
คุณ Sweeney กล่าว
.
หลายคนอาจจะสังเกตได้ว่า การปรับแต่งประสิทธิภาพเกมเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องมืออย่าง DLSS และ FSR ที่ใช้การปรับขนาดความละเอียดและการสร้างเฟรม มักถูกนำมาใช้เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาด้านประสิทธิภาพแทนที่จะแก้ปัญหาจริงๆ
.
“ความซับซ้อนของเกมสูงกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก ดังนั้นมันจึงยากที่จะแก้ปัญหาได้จากระดับเอนจิ้นเพียงอย่างเดียว ผู้สร้างเอนจิ้นและทีมสร้างเกมต้องร่วมมือกัน เรากำลังนำความรู้จากการปรับแต่ง Fortnite มาใช้ใน Unreal Engine ด้วย เพื่อให้เกมต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้นบน PC สเปคต่ำ”
คุณ Sweeney กล่าวเพิ่ม
.
ทาง windowscentral ให้ความเห็นว่านี่คือคำพูดที่ค่อนข้างเป็นกลาง โดยคุณ Sweeney ไม่ได้พยายามปกป้อง Unreal Engine จนสุดตัว แต่กำลังชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานของนักพัฒนา และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในการทำงานและวิธีการจัดการการปรับแต่งประสิทธิภาพ
.
แต่ก็มีนักพัฒนาบางส่วนออกมาโต้แย้งเรื่องนี้ เช่นคุณ Ian Maclure จาก Bossa และคุณ Lee Devonald จาก Rocksteady ชี้ไปที่ Xbox Series S ว่าเป็นปัจจัยที่จำกัดการทำงาน เนื่องจากข้อจำกัดด้านหน่วยความจำที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาเกม อย่างไรก็ตาม Digital Foundry ได้โต้กลับว่าเกม UE5 สามารถทำงานบน Series S ได้ดีหากนักพัฒนามีเวลาปรับแต่งเพิ่ม แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่การที่คุณ Sweeney ออกมายอมรับปัญหานี้และแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือสตูดิโอที่ประสบปัญหา ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของ Epic Games ที่ต้องการผลักดันให้วงการเกมพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
.
และถึงอย่างนั้นคุณ Sweeney ก็จี้ได้ถูกจุด เรื่องว่านักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์สเปคต่ำตั้งแต่ช่วงต้นของการผลิต เพราะการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับเครื่องเกมคอนโซลอย่าง Series S และ Nintendo Switch 2 ที่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพมากกว่า การที่นักพัฒนาตั้งเป้าหมายไปที่ฮาร์ดแวร์ที่สเปคต่ำกว่าจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เพื่อที่จะสามารถวางจำหน่ายเกมได้บนหลายระบบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
แน่นอนว่าเรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน และความท้าทายบางอย่างของ UE5 อาจจะไม่มีวันหายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ได้เห็น Epic ยอมรับปัญหานี้และแสดงความเต็มใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือสตูดิโอที่กำลังมีปัญหาในเร็ววัน
.
——————————-
Path of Exile 2 เล่นฟรี 3 วัน! 30 ส.ค. (ตี 3) – 2 ก.ย. (ตี 3) แพทช์ใหญ่ เล่นง่าย มันส์กว่าเดิม ชวนเพื่อน ชวนแฟนมาเล่นด้วยกันด่วน!
.
ถ้าจะบอกว่าเอนจิ้นเกมตัวไหนเป็นที่นิยมมากที่สุดในตอนนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น Unreal Engine ที่ก้าวมาเป็นเอนจิ้นยอดนิยมสำหรับการสร้างเกมยุคใหม่ ซึ่งสตูดิโอหลายแห่งเริ่มหันมาใช้ Unreal Engine 5 (UE5) กันมากขึ้น แต่การเปลี่ยนผ่านหรือการเริ่มใหม่กัย UE5 ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะ UE5 มีชื่อเสียงเรื่องภาพที่สวยงาม แต่ก็มีปัญหาด้านประสิทธิภาพที่น่าหงุดหงิดเช่นกัน
.
UE5 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 พร้อมกับตัวอย่างเทคนิค Lumen in the Land of Nanite บน PlayStation 5 ซึ่งโชว์ฟีเจอร์เด่นสองอย่างคือ Lumen ระบบแสงและเงาสะท้อนแบบไดนามิก และ Nanite ระบบเรขาคณิตเสมือนจริงที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ไฟล์โมเดลคุณภาพระดับภาพยนตร์ได้แบบเรียลไทม์
.
การแสดงผลในตอนนั้นสวยงามมากและทำให้ความคาดหวังพุ่งสูงทันที แต่ทว่าเมื่อเกมที่ใช้ UE5 เริ่มวางจำหน่าย ผู้เล่นหลายคนกลับพบกับประสบการณ์ที่ตรงกันข้าม มีเสียงบ่นตามมามากมายเรื่องเกมกระตุก เกมค้าง เฟรมเรตต่ำ และต้องการสเปคเครื่องที่สูงมาก เช่นเกมอย่าง Lords of the Fallen, Wuchang: Fallen Feathers และแม้แต่ Oblivion Remastered ของ Xbox เองก็โดนวิจารณ์ว่ามีปัญหาในการเล่นบนทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง PC, Xbox Series X และ Series S
.
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกม UE5 ทุกเกมจะล้มเหลวไปเสียหมด เช่น Senua’s Saga: Hellblade II และ Fortnite ของ Epic เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าเอนจิ้นนี้ทำอะไรได้บ้างเมื่อได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า UE5 มีศักยภาพที่จะมอบทั้งภาพที่สวยงามและประสิทธิภาพที่เสถียร
.
ล่าสุด คุณ Skuat Sweeney CEO ของ Epic Games ได้ออกมาให้ความเห็นว่าทำไมเกมที่สร้างด้วยเอนจินนี้หลายเกมถึงมีปัญหา โดยอธิบายว่านักพัฒนาหลายคนสร้างเกมโดยคำนึงถึงฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์ก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งสำหรับเครื่องสเปคต่ำทีหลังเมื่อใกล้จะเสร็จสิ้นการผลิต
.
“สาเหตุหลักๆ คือลำดับของการพัฒนาครับ สตูดิโอหลายแห่งสร้างเกมสำหรับฮาร์ดแวร์ระดับสูงๆก่อน แล้วค่อยมาปรับแต่งและทดสอบกับเครื่องสเปคต่ำในตอนท้าย ซึ่งจริงๆแล้ว การปรับแต่งควรเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสร้างคอนเทนต์ทั้งหมด
.
ตอนนี้เรากำลังทำ 2 อย่างครับ หนึ่งคือเสริมความแข็งแกร่งให้เอนจิ้นด้วยการเพิ่มระบบปรับแต่งอัตโนมัติสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ และสองคือขยายการให้ความรู้แก่นักพัฒนาเพื่อให้ ‘การปรับแต่งตั้งแต่เริ่ม’ กลายเป็นมาตรฐาน ถ้าจำเป็นวิศวกรของเราก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วย”
คุณ Sweeney กล่าว
.
หลายคนอาจจะสังเกตได้ว่า การปรับแต่งประสิทธิภาพเกมเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องมืออย่าง DLSS และ FSR ที่ใช้การปรับขนาดความละเอียดและการสร้างเฟรม มักถูกนำมาใช้เพื่อกลบเกลื่อนปัญหาด้านประสิทธิภาพแทนที่จะแก้ปัญหาจริงๆ
.
“ความซับซ้อนของเกมสูงกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก ดังนั้นมันจึงยากที่จะแก้ปัญหาได้จากระดับเอนจิ้นเพียงอย่างเดียว ผู้สร้างเอนจิ้นและทีมสร้างเกมต้องร่วมมือกัน เรากำลังนำความรู้จากการปรับแต่ง Fortnite มาใช้ใน Unreal Engine ด้วย เพื่อให้เกมต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้นบน PC สเปคต่ำ”
คุณ Sweeney กล่าวเพิ่ม
.
ทาง windowscentral ให้ความเห็นว่านี่คือคำพูดที่ค่อนข้างเป็นกลาง โดยคุณ Sweeney ไม่ได้พยายามปกป้อง Unreal Engine จนสุดตัว แต่กำลังชี้ให้เห็นถึงขั้นตอนการทำงานของนักพัฒนา และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในการทำงานและวิธีการจัดการการปรับแต่งประสิทธิภาพ
.
แต่ก็มีนักพัฒนาบางส่วนออกมาโต้แย้งเรื่องนี้ เช่นคุณ Ian Maclure จาก Bossa และคุณ Lee Devonald จาก Rocksteady ชี้ไปที่ Xbox Series S ว่าเป็นปัจจัยที่จำกัดการทำงาน เนื่องจากข้อจำกัดด้านหน่วยความจำที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาเกม อย่างไรก็ตาม Digital Foundry ได้โต้กลับว่าเกม UE5 สามารถทำงานบน Series S ได้ดีหากนักพัฒนามีเวลาปรับแต่งเพิ่ม แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่การที่คุณ Sweeney ออกมายอมรับปัญหานี้และแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือสตูดิโอที่ประสบปัญหา ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของ Epic Games ที่ต้องการผลักดันให้วงการเกมพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
.
และถึงอย่างนั้นคุณ Sweeney ก็จี้ได้ถูกจุด เรื่องว่านักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์สเปคต่ำตั้งแต่ช่วงต้นของการผลิต เพราะการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับเครื่องเกมคอนโซลอย่าง Series S และ Nintendo Switch 2 ที่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพมากกว่า การที่นักพัฒนาตั้งเป้าหมายไปที่ฮาร์ดแวร์ที่สเปคต่ำกว่าจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เพื่อที่จะสามารถวางจำหน่ายเกมได้บนหลายระบบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
แน่นอนว่าเรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน และความท้าทายบางอย่างของ UE5 อาจจะไม่มีวันหายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ได้เห็น Epic ยอมรับปัญหานี้และแสดงความเต็มใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือสตูดิโอที่กำลังมีปัญหาในเร็ววัน
.
——————————-
Path of Exile 2 เล่นฟรี 3 วัน! 30 ส.ค. (ตี 3) – 2 ก.ย. (ตี 3) แพทช์ใหญ่ เล่นง่าย มันส์กว่าเดิม ชวนเพื่อน ชวนแฟนมาเล่นด้วยกันด่วน!
